อีเมล์ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน
โหมดการเข้าถึงสำหรับผู้พิการ
ปรับขนาดตัวอักษร
ภาษา
ภาพกิจกรรม
การประกวด“หนุ่มโพนเมืองลุง”ในงานประเพณีแข่งโพน–ลากพระ ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี ๒๕๖๘

วันพฤหัสบดี ที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุงจัดการประกวด “หนุ่มโพนเมืองลุง” ในงานประเพณีแข่งโพน–ลากพระ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ณ เวทีกลางหน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง

  ซึ่งผลการประกวด“หนุ่มโพนเมืองลุง” ในงานประเพณีแข่งโพน-ลากพระ ประจำปี ๒๕๖๘ มีดังนี้

  รางวัลชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุงได้แก่ ได้แก่ หมายเลข ๕ นายเตชิน มุสิกิม อายุ ๑๘ ปี ผู้ส่งเข้าประกวด โรงเรียนพัทลุง

  รางวัลรองชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุง อันดับ ๑ ได้แก่ หมายเลข ๒ นายอัสรี สาโส๊ะ อายุ ๑๘ ปี ผู้ส่งเข้าประกวด โรงเรียนมัธยมเกาะหมาก

  รางวัลรองชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุง อันดับ ๒ ได้แก่ หมายเลข ๗ นายณภัทร พรหมนวล อายุ ๑๘ ปี ผู้ส่งเข้าประกวด เทศบาลเมืองพัทลุง

  รางวัลรองชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุง อันดับ ๓ ได้แก่ หมายเลข ๑ นายพรพิพัฒน์ เนียมเจริญ อายุ ๑๗ ปี ผู้ส่งเข้าประกวด องค์การบริหารส่วนตำบลฝาละมี

  รางวัลรองชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุง อันดับ ๔ ได้แก่ หมายเลข ๘ นายรัชกฤต ศรีเกื้อ อายุ ๑๘ ปีผู้ส่งเข้าประกวด โรงเรียนประภัสสรรังสิต

  รางวัลขวัญใจมหาชน ได้แก่ หมายเลข ๖ นายรวินนท์ ปราบกรี อายุ ๑๗ ปี ผู้ส่งเข้าประกวด โรงเรียนอุบลรัตนราชกัญญา

  โดยผู้ชนะการประกวดหนุ่มโพนเมืองลุง จะได้รับรางวัลดังนี้

 รางวัลชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุง เงินสด ๖,๐๐๐ บาท พร้อมสายสะพายและถ้วยเกียรติยศ

 รางวัลรองชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุง อันดับที่ ๑ เงินสด ๕,๐๐๐ บาท พร้อมสายสะพายและถ้วยเกียรติยศ

 รางวัลรองชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุง อันดับที่ ๒ เงินสด ๔,๐๐๐ บาท พร้อมสายสะพายและถ้วยเกียรติยศ

 รางวัลรองชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุง อันดับที่ ๓ เงินสด ๓,๐๐๐ บาท พร้อมสายสะพายและถ้วยเกียรติยศ

 รางวัลรองชนะเลิศหนุ่มโพนเมืองลุง อันดับที่ ๔ เงินสด ๒,๐๐๐ บาท พร้อมสายสะพายและถ้วยเกียรติยศ

การประกวด “หนุ่มโพนเมืองลุง” นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สร้างสีสันและความภาคภูมิใจให้กับชาวจังหวัดพัทลุง พร้อมทั้งเป็นเวทีแสดงออกถึงความสามารถ ความมั่นใจ และบุคลิกภาพของเยาวชนในท้องถิ่น อีกทั้งยังช่วยสืบสานและประชาสัมพันธ์งานประเพณีแข่งโพน–ลากพระ ให้คงอยู่คู่กับวิถีชีวิตชาวพัทลุงต่อไป